วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ISO 14000 หมายถึง

มาตรฐาน ISO 14000

               ปัจจุบันทั่วโลกได้มีการเคลื่อนไหว  เพื่อการบำรุงรักษาและการปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม  และปกป้องสุขภาพของมวลมนุษย์  ปัญหาสิ่งแวดล้อมในขณะนี้วิกฤตเกินกว่าที่จะใช้มาตรการระดับประเทศมาแก้ไข   แต่เป็นปัญหาของโลกที่ทุกประเทศต้องร่วมมือในการแก้ไขปัญหาซึ่งรวมทั้งภาครัฐบาลและเอกชน  โดยการวางมาตรฐานและปรัชญาในการพัฒนาด้านต่างๆ  ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม  ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสนใจและหลายองค์การได้รับความกดดันให้มีการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม  ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการเรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นในระดับประเทศ  ระดับภูมิภาค และระดับระหว่างประเทศเพื่อให้มีหลักเกณฑ์เดียวกันสำหรับใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงหรือพัฒนาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
                องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน ( The International Organization for Standardization ISO) ก็ได้รับการเรียกร้องจากบรรดาประเทศสมาชิกในเรื่องดังกล่าวและได้มีการดำเนินการเพื่อจัดวางระบบมาตรฐานใหม่คือ ISO 14000   โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวางมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม และแนะนำหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (Environment Management System EMS) ซึ่งสามารถรวมเข้ากับระบบบริหารอื่นๆ ของหน่วยงานเพื่อที่จะช่วยให้หน่วยงานเหล่านั้นประสบความสำเร็จในเรื่องของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมพร้อมไปกับความสำเร็จทางธุรกิจ
                ระบบ EMS มีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับการวางแผนงานและการดำเนินงานการบริหารขององค์การอย่างมาก  ในการที่องค์การนั้นๆ  จะบรรลุความสำเร็จในแผนงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมตามีที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่   ระบบการบริหารในที่นี้หมายรวมถึงหน่วยงานนั้นมีการจัดวางผังองค์การอย่างไร  ระดับผู้จัดการ  พนักงานและคนงาน มีหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไร การวางแผนการใช้ทรัพยากรและการประเมินผลงานเป็นอย่างไร  ระบบการบริหารนี้ควรมีส่วนส่งเสริมให้เกิดผลผลิตที่มีคุณภาพ  การบริหารที่มีคุณภาพและมีผลกำไรที่เหมาะสม   อย่างไรก็ตาม  มีหน่วยงานเพียงน้อยรายที่มีระบบการบริหารที่มีส่วนส่งเสริมต่อระบบ EMS  การใช้ระบบ EMS จะมุ่งเน้นในเรื่องของระบบการจัดการที่จะเอื้ออำนวยให้มีการดำเนินการด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ

ISO 14000 คืออะไร
                การเตรียมการในเรื่องมาตรฐาน ISO 14000 ได้เริ่มดำเนินการในปี 1993 (2536)  โดยคณะกรรมการวิชาการ ISO ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม เรียกว่า ISO/TC 207 ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาปรับปรุงเกี่ยวกับมาตรฐานนานาชาติในเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการ ISO/TC 207 ประกอบด้วยคณะอนุกรรมการทางวิชาการมากกว่า 20 คณะ และคณะทำงานซึ่งรับผิดชอบในเรื่องเฉพาะเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและในปี 2538  คณะอนุกรรมการคณะต่างๆ ได้พิจารณาร่างมาตรฐานรวม 5 ฉบับแล้วเสร็จ  และส่งเวียนให้ประเทศสมาชิกออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบแล้ว
                มาตรฐาน ISO 14000 คือ มาตรฐานสากลว่าด้วยการจัดการสิ่งแวดล้อม  เป็นมาตรฐานที่กำหนดให้องค์การมีการจัดตั้งระบบการบริหารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมขององค์การนั้นๆ ซึ่งไม่ขัดต่อกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมขององค์การนั้นๆ
                ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นแกนกลางที่สำคัญของมาตรฐาน ISO 14000 และจัดเป็นส่วนหนึ่งของระบบบริหารทั้งหมด เช่นเดียวกับการบริหารธุรกิจรวมทั้งโครงสร้างขององค์การ  ความรับผิดชอบในการทำงานขั้นตอนกระบวนการ  และการจัดการทรัพยากร  เพื่อกำหนดและนำนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมขององค์การนั้นๆ ไปปฏิบัติ  โดยมุ่งที่จะปรับปรุงผลการดำเนินงานที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
                มาตรฐาน ISO 14000  จะครอบคลุมถึงการฝึกอบรมพนักงาน  การจัดการด้านความรับผิดชอบ  และระบบต่างๆที่ต้องทำงาน มาตรฐาน ISO 14000 ประกอบด้วย
                ISO 14000            -  หลักเกณฑ์ทั่วไปของการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
                ISO 14001,14004-  ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
                ISO 14010,14012-  การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม
                ISO 14031            -  การตรวจสอบพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
                มาตรฐาน ISO 14000  นี้เป็นมาตรฐานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้องค์กรต่างๆ  นำไปใช้ในลักษณะของการส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้เกิดการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี
                หน่วยงานที่จะรับเอามาตรฐาน ISO 14000  ไปใช้นั้น  สามารถที่จะนำไปใช้โดยทั่วทั้งองค์กร   หรืออาจจะดำเนินการเฉพาะหน่วยย่อยเพียงหน่วยต่างจากความยืดหยุ่นข้อนี้  คาดว่าอุตสาหกรรมขนาดเล็กและกลางคงนำไปใช้ได้อย่างประสบผลสำเร็จได้ซึ่งคาดว่าจะนำมาใช้ได้ในเดือนกรกฎาคม 2539 นี้

ขั้นตอนการดำเนินการตามมาตรฐาน ISO 14000
                ขั้นแรกที่สำคัญคือ  ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต้องมีการประกาศนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม    โดยมีการชี้แจงถึงวัตถุประสงค์  นโยบายและการดำเนินการเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมโดยไม่ขัดกับระเบียบและกฎหมายสิ่งแวดล้อม
                ขั้นที่สอง  คือการวางแผน  หน่วยงานควรจะมีการตรวจสอบหรือทบทวนการดำเนินงานเพื่อดูผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  ตัวอย่างเช่น  โรงงานหล่อโลหะควรมีการวัดมลพิษที่ออกจากปล่องไฟ  โรงงานชุบโครเมี่ยมควรมีการตรวจสภาพน้ำเสียที่เกิดขึ้น  หลังจากที่ได้มีการตรวจสาอบถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว  ก็สามารถตั้งวัตถุประสงค์ให้สอดคล้องกับกฎหมายความต้องการของลูกค้า  การปฏิบัติและความสามารถทางเทคโนโลยี  และค่าใช้จ่ายของการดำเนินการ
                องค์กรจะต้องมีการจัดวางโปรแกรมแผนการปฏิบัติงานซึ่งประกอบด้วยวิธีการและระยะเวลา  เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้นๆ การจัดสรรทรัพยากรทั้งทางด้านการเงินและบุคลากรแล้ว   การเตรียมการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการตัวอย่างเช่น  โรงงานชุบโครเมี่ยมทราบว่า  ผลกระทบทีสำคัญที่โรงงานกระทำต่อสิ่งแวดล้อม  คือน้ำเสีย  ซึ่งจะประกอบด้วยสารโลหะจำนวนมากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด   ทางโรงงานก็ควรจะหาวิธีบำบัดน้ำเสีย   ซึ่งอาจจะเป็นวิธีทางเคมีมาใช้เพื่อปรับปรุงสิ่งแวดล้อม   อย่างไรก็ตามโรงงานก็จำเป็นต้องคำนึงถึงความสามารถทางเทคโนโลยีและด้านการเงินด้วย  รวมทั้งความคิดเห็นของลูกค้า กฎหมาย  และวิธีดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม   ก่อนที่จะตั้งเป็นวัตถุประสงค์  หลังจากมีวัตถุประสงค์แล้ว  ก็จัดสรรพนักงานเพื่อรับผิดชอบดำเนินการ
                หลังจากมีการจัดทำนโยบาย  และจัดวางแผนงานแล้ว ขั้นต่อไปคือการดำเนินการเพื่อที่จะให้ประสบความสำเร็จ   ทั้งฝ่ายบริหารและพนักงานต้องถือเป็นภาระผูกพันมีการสื่อสารที่ดี  และการทำให้พนักงานทราบถึงนโยบายของผู้บริหาร  และการยอมรับถึงความสำคัญของการร่วมมือของฝ่ายพนักงานจะเป็นสิ่งสำคัญ  การที่จะได้รับความร่วมมือจากพนักงานค่อนข้างจะเป็นการยากมากในอุตสาหกรรมขนาดเล็กและกลาง    เนื่องจากพนักงานจะมีการศึกษาค่อนข้างต่ำ  ถ้าระดับผู้บริหารไม่ใช้มาตรการบังคับก็มีโอกาสน้อยมาก  ที่ระดับคนงานจะให้ความร่วมมือในการรักษาสิ่งแวดล้อม  ผู้บริหารต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในการโน้มน้าวพนักงาน  ซึ่งเป็นลักษณะความแตกต่างระหว่างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และขนาดกลาง  และอาจเป็นปัญหาในการจะได้รับใบรับรองของ ISO 14000
                นอกจากนี้  เพื่อสร้างให้เกิดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับพนักงาน  และสร้างบรรยากาศสำหรับการรักษาสภาพแวดล้อม  นายจ้างควรให้ความรู้และการฝึกอบรมแก่พนักงาน  และชี้แจงให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์และวิธีดำเนินการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
                หน่วยงานจะต้องมีการจัดเตรียมบุคลากรและการเงินให้พอเพียงสำหรับการดำเนินงาน  และมีการจัดแบ่งความรับผิดชอบ  มีการวัดการดำเนินงานของการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและมีการตรวจสอบระบบเป็นระยะๆ   ถ้าการดำเนินงานไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ก็ควรมีวิธีการอื่นมาแทน   และสามารถชี้ได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุของความเบี่ยงเบนนั้นๆ  และแนะนำมาตรการที่ถูกต้องมาใช้แทน    ผู้ตรวจสอบจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า  ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมอย่างไร  และควรให้ผู้บริหารรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงาน
                สิ่งที่สำคัญที่สุดของมาตรฐาน ISO 14000  ก็คือการที่จะต้องมีการดำเนินการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง   เหมาะสมและอย่างมีประสิทธิผล  ฉะนั้น ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีการทบทวนและประเมินระบบ EMS และควรจะอยู่ในนโยบายของการรักษาสิ่งแวดล้อม  ซึ่งต้องมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องด้วย


ความสำคัญของมาตรฐาน ISO 14000
                มาตรฐาน ISO 14000  เป็นมาตรฐานใหม่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม  ซึ่งองค์การและบริษัทต่างๆ สามารถนำไปใช้ได้ตามความสมัครใจโดยไม่มีกฎหมายบังคับ  การไม่มีกฎหมายบังคับเช่นนี้  จะทำให้มาตรฐานใหม่นี้มีผลกระทบต่อองค์กรอย่างไร และในขอบเขตแค่ไหน
                มาตรฐาน  ISO 14000  ไม่ต้องใช้กฎหมายเพื่อให้มีผลกระทบต่อธุรกิจโลก   ดังจะเห็นได้จากในปัจจุบันนี้  ทุกคนย่อมตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม  เช่น  เมื่อรู้ว่าสารเคมี  ที่ใช้ในตู้เย็น  แอร์  รถ  และในสินค้าหลายๆ อย่างเป็นอันตรายต่อชั้นบรรยากาศโลก  สังคมก็มีมาตรการตอบสนองทันทีในการไม่ใช้สารนั้นๆ   ถึงแม้ว่าการไม่ใช้สารนั้นจะเป็นผลลำบาก  และทำให้เกิดภาวะขาดทุนต่อธุรกิจเป็นจำนวนมาก
                รัฐบาลไม่ใช่ผู้ที่สนับสนุน ISO 14000  แต่เพียงฝ่ายเดียว  องค์การธุรกิจต่างๆ ก็ต้องดำเนินการตามาตรฐานใหม่นี้อย่างเต็มใจ  บรรดาหน่วยงานธุรกิจต่างๆ ต้องดำเนินการเพราะความกดดันทางธุรกิจ   หน่วยงานที่ไม่สามารถรับมาตรฐาน ISO 14000 ไปใช้ได้   อาจจะประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ   การติดต่อกับสถาบันการเงินเรื่องการขอสินเชื่อเพราะสถาบันการเงินจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานธุรกิจที่มีการจัดการสิ่งแวดล้อม
                จะเห็นได้ชัดว่า มาตรฐาน ISO 14000  จะเป็นการพัฒนา  และมีอิทธิพลอย่างมหาศาลสำหรับสังคมธุรกิจในทุกระดับ  ในระดับบริษัท  จะมีผลต่อวิธีดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ ทั้งต่อผู้จัดส่งสินค้า  ผู้รับเหมาช่วงและลูกค้า  และสถาบันการเงิน  นอกจากนี้จะมีผลต่อการดำเนินงานภายในของกระบวนการผลิต  การใช้วัตถุดิบและระบบการบริหาร
                ในระดับอุตสาหกรรม   จะมีผลกระทบอย่างมากสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถรับเอามาตรฐานสิ่งแวดล้อมไปใช้ได้  มาตรฐาน ISO 14000  ยังสามารถทำให้เกิดอุตาสาหกรรมชนิดใหม่ขึ้นเพื่อทดแทนสารที่เป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อม  สารที่เป็นอันตรายจะถูกกำจัดออกไปและมีการคิดค้นสารใหม่ขึ้นมาใช้แทน
                ในระดับประเทศ  มาตรฐาน ISO 14000 จะมีผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ  เราจะเห็นว่าบริษัทต่างๆ  พยายามให้บริษัทคู่ค้าของคนคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม  โดยจะไม่ดำเนินธุรกิจด้วยหากไม่มีการดำเนินการรักษาสิ่งแวดล้อมและในทำนองเดียวกัน   ถ้าประเทศไหนไม่นำมาตรฐาน ISO 14000  เข้าไปใช้ก็จะพบกับปัญหา  และไม่เป็นที่ยอมรับในการดำเนินธุรกิจกับประเทศอื่น  และสูญเสียโอกาสในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ

ค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ที่จะได้รับ

                อาจจะกล่าวได้ว่าค่าใช้จ่ายในการบรรลุความสำเร็จในการได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO 14000  จะขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์การของหน่วยงานนั้นๆ ด้วย เนื่องจากมาตรฐาน ISO 14000  ยังไม่มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ  จึงยังไม่ทราบถึงค่าใช้จ่ายที่แน่นอนได้  อย่างไรก็ตามมาตรฐาน ISO 14000  จะใช้หลักสำคัญคล้ายกบมาตรฐาน ISO 9000  และทั้งสองมาตรฐานนี้ก็จะเป็นการจัดตั้งระบบบริหารเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจง  ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของมาตรฐาน ISO 14000  และมาตรฐาน ISO 9000  จะอยู่ในระดับเดียวกัน  ผลที่ได้จากการดำเนินมาตรฐาน ISO 14000  จะมีมากกว่าสิ่งที่ลงทุนไปอย่างแน่นอน
                ผลประโยชน์ที่ได้รับโดยตรง  คือ การลดการใช้ทรัพยากรด้านวัสดุ  พลังงาน  ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการผลิต ลดความเสี่ยงภัยที่เกิดต่อชุมชนรอบๆ  ผลประโยชน์ทางอ้อมคือ  การเป็นที่ยอมรับของสังคมว่าไม่เป็นผู้ทำลายสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อชุมชน  ลูกค้า และพนักงานมีชื่อเสียงได้รับยกย่องว่าเป็นผู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจซึ่งเป็นผลจากการคิดริเริ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม  ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

บทสรุป


                ISO 14000   เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ  เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างให้เกิดการยอมรับในสังคมธุรกิจแต่จะไม่เกิดประโยชน์เลยถ้าทุกคนเพียงคำนึงว่าการที่ต้องดำเนินการตามมาตรฐาน ISO 14000  เพียงเพื่อประโยชน์ทางการค้าเพียงอย่างเดียว   แต่ทุกคน ทุกประเทศ ควรจะรับเอามาตรฐานนี้ไปใช้  เพื่อการปรับปรุงปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง  และเป็นภาระผูกพันของทุกคนในองค์กร  โดยไม่ใช่หวังเพียงใบรับรองจากมาตรฐาน ISO 14000  ว่าเป็นเครื่องหมายทางการค้าเท่านั้น

ที่มาจาก เว็บไซด์ คุณพรจันทร์  ฉันทวศินกุล
ปีที่ 1 ฉบับที่ 1


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น